วันพุธที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2550

ประวัติส่วนตัวนู๋จุ๋ม

ชื่อนางสาววรรณณิศา จำปาดิบ
ชื่อเล่นว่า จุ๋ม
เกิดวันที่ 2 กรกฎาคม 2529
อายุได้ 21 ปี
เรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยราชภัชเทพสตรีลพบุรี
ที่อยู่ 57 ม.4 ต.กกโก อ.เมือง จ.ลพบุรี 15000
คติประจำใจ ทำวันนี้ให้ดีที่สุด
สีที่ชอบ สีส้ม สีชมพู สีฟ้า
ดาราที่ชอบ อั้ม พัชราภา
นักร้องที่ชอบ แบงค์ วงแคลช
อาหารที่ชอบ KFC

วันเด็ก



วันเด็กแห่งชาติ ตรงกับวันเสาร์ที่ 2 ของเดือนมกราคมของทุกปี เป็นวันหยุดราชการที่มิได้ชดเชยในวันทำงานถัดไป (วันจันทร์) มีการให้คำขวัญวันเด็กทุกปีโดยนายกรัฐมนตรี งานวันเด็กแห่งชาติจัดขึ้นเป็นครั้งแรก เมื่อวันจันทร์แรกของเดือนตุลาคม พ.ศ. 2498 ตามคำเชิญชวนขององค์การสหพันธ์ เพื่อสวัสดิภาพเด็กระหว่างประเทศแห่งสหประชาชาติ เพื่อให้ประชาชนเห็นความสำคัญและความต้องการของเด็ก และเพื่อกระตุ้นให้เด็กตระหนักถึงบทบาท อันสำคัญของตนในประเทศ โดยปลูกฝังให้เด็กมีส่วนร่วมในสังคม เตรียมพร้อมให้ตนเองเป็นกำลังของชาติ งานวันเด็กแห่งชาติจัดขึ้นทุกปีในวันจันทร์แรกของเดือนตุลาคมจนถึง พ.ศ. 2506 หลังจากนั้นจึงเปลี่ยนเป็นวันเสาร์ที่ 2 ของเดือนมกราคม เพราะเป็นช่วงหมดฤดูฝนและเป็นวันหยุดราชการ จนถึงทุกวันนี้

วันอังคารที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2550

สุนัขพันธุ์มอลทีสมอลทีส



ประวัติสายพันธุ์มอลทีสมอลทีสเป็นสายพันธุ์เก่าแก่ มีถิ่นกำเนิดอยู่ในเกาะมอลต้า ปัจจุบันนี้มอลต้าเป็นประเทศในเครือจักรภพอังกฤษ ย้อนไปในอดีตดินแดนแห่งนี้มีประวัติศาสตร์อันยาวนานและเป็นดินแดนสำคัญอยู่ในแถบทะเลเมอร์ดิเตอเรเนียน จากหลักฐานทางประวัติศาสตร์พบว่ามีคนอยู่อาศัยที่เกาะนี้มาตั้งแต่สมัย 3,500 ปีก่อนคริสตกาล ในช่วงหลังคือ 1,500 ปีก่อนคริสตกาลมีกลุ่มชนที่ลงหลักปักฐานเป็นปึกแผ่นที่นี่คือชาวฟีนีเชียน กวีทั้งหลายในสมัยนั้นต่างยกย่องดินแดนมอลต้าว่าเป็นดินแดนอันแสนสุข มีผู้คนที่ศิวิไลซ์และมีงานศิลปะที่เยี่ยมยอด รวมทั้งมีสุนัขที่สวยและสง่างามคือมอลทีสซึ่งถือกันว่าเป็นสุนัขชั้นสูงอยู่ในแวดวงสุนัขด้วยกัน มีกวีชาวสเปนชื่อ Marcus Valerius Martialis (เกิดปี ค.ศ.40) เคยเขียนร้อยแก้วอันไพเราะเพราะพริ้งกล่าวชื่นชมสุนัขพันธุ์มอลทีสของ Publius หนึ่งในบรรดาขุนนางแห่งเกาะมอลต้า สุนัขตัวนั้นชื่ออิสสา
อิสสานั้นสดใสน่ารักกว่านก Catulla บริสุทธิ์กว่ารอยจุมพิตของนกพิราบ อ่อนหวานนุ่มนวลกว่าหญิงสาว สูงส่งกว่าอัญมณีจากชมพูทวีป.... และเพื่อให้ความรักความทรงจำนั้นคงอยู่ตลอดไปแม้อิสสาจะหาชีวิตไม่ Publius จึงได้สั่งให้ช่างวาดรูปของอิสสาขึ้นไว้...
ว่ากันว่ารูปวาดของอิสสานั้นเหมือนจริงมากขนาดแทบจะแยกไม่ออกเลยว่าอันไหนเป็นรูปอันไหนเป็นสุนัขตัวจริง นอกจากกวีโบราณคนดังกล่าวแล้ว ยังมีกวีอีกหลายท่านที่ได้เขียนบันทึกชื่นชมความงามน่ารักและความฉลาดเฉลียวของมอลทีสไว้ เช่น Callimachus the Elder (มีชีวิตอยู่ช่วง 384 - 322 ปีก่อนคริสตกาล), Strabo (ปีเกิดไม่ทราบแน่ชัดแต่ตายในปี ค.ศ.24), Pliny the Elder (ค.ศ.23 - 79), Saint Clement of Alexandria (มีชีวิตอยู่ราวศตวรรษที่ 2) และกวีอื่น ๆ มอลทีสเป็นที่นิยมทั่วไป เมื่อมันตาย ชาวกรีกมักทำหลุมฝังศพสำหรับมันโดยเฉพาะ และตั้งแต่ศตวรรษที่ 5 เป็นต้นมาชาวกรีกมักทำงานศิลปะะเซรามิกเป็นรูปสุนัขพันธุ์มอลทีส งานเซรามิกเหล่านี้ไม่ได้มีอยู่แต่ในกรีกเท่านั้น แต่ถูกส่งไปยังประเทศต่าง ๆ ด้วย งานชิ้นหนึ่งที่ถือว่าสวยมาก ๆ ถูกขุดพบที่อียิปต์ มีเรื่องเล่าว่าพระราชินีแห่งอียิปต์หลายพระองค์เลี้ยงมอลทีสและให้มันกินอาหารที่คัดสรรอย่างดีจากจานทองคำ ในปี ค.ศ.1570 แพทย์ประจำพระองค์พระราชินีอลิซาเบธแห่งอังกฤษเขียนบันทึกไว้ว่า
นอกจากสุนัขอื่น ๆ แล้วเรายังมีสุนัขสายพันธุ์ชั้นสูงอีกหนึ่งพันธุ์ด้วย เรียกว่า Malitei มาจากเกาะ Melita สุนัขพันธุ์นี้ตัวเล็กมากจริง ๆ พวกผู้หญิงชอบเลี้ยงไว้ดูเล่นเพื่อความสำราญ ยิ่งสุนัขตัวเล็กเท่าไหร่ก็ยิ่งสร้างความสำราญได้มากเท่านั้น เพราะพวกหล่อนสามารถหอบหิ้วมันไปไหนมาไหนได้ง่าย ๆ ด้วยการอุ้มหรือใส่ไว้ในอกเสื้อของตัวเอง
มีบันทึกอีกฉบับหนึ่งเขียนโดย Aldrovanus (ตายปี ค.ศ.1607) กล่าวว่า เขาเห็นการซื้อขายมอลทีสด้วยจำนวนเงินสูงมาก เทียบกับเงินสมัยนี้ก็ราว 14,800 บาท ในสมัยนั้นมอลทีสเป็นที่นิยมอย่างมากในอังกฤษและมักถูกกล่าวถึงเสมอ ๆ โดยเฉพาะในเรื่องของขนาดที่เล็กมากของมัน เช่น E.Topsell เขียนบันทึกไว้ในปี ค.ศ.1607 ว่า "ตัวไม่ใหญ่ไปกว่าพังพอน" สองร้อยปีต่อมา Linnaeus เขียนไว้ว่า "ตัวขนาดกระรอก" และอีกคนหนึ่งชื่อ Danberton บันทึกว่า "พวกผู้หญิงเก็บมันไว้ในแขนเสื้อ"

งานพืชสวนโลก


งานพืชสวนโลก งานมหกรรมพืชสวนโลกเฉลิมพระเกียรติฯ ราชพฤกษ์ 2549 กำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 1 พฤศจิกายน 2549- 31 มกราคม 2550 นี้ ณ ศูนย์วิจัยเกษตรหลวง ต.แม่เหียะ จ.เชียงใหม่ บนพื้นที่ 470 ไร่ เป็นงานที่รวบรวมสุดยอดความมหัศจรรย์แห่งพรรณไม้ ในพื้นที่เขตร้อนชื้นที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่มีความหลากหลายมากที่สุดของพรรณไม้กว่า 2,200 ชนิด กว่า 2.5 ล้านต้นงานพืชสวนโลก ้ยังเป็นการประกาศศักยภาพการผลิตพืชผลทางการเกษตรของไทยด้าน พรรณไม้ดอกไม้ประดับ ไม้สมุนไพร พืชสวนครัว ไม้แปลกหายาก และ พืชผลทางการเกษตร สู่เวทีตลาดการค้าโลก ซึ่งงานครั้งนี้จัดขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเฉลิมพระเกียรติ ฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในวโรกาสที่พระองค์ทรงครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี และฉลองพระชนมายุ 80 พรรษา เพื่อแสดงศักยภาพในการเพาะปลูกพันธุ์ไม้เขตร้อน และเทคโนโลยีนวัตกรรมด้านการเกษตรของประเทศไทย เพื่อส่งเสริมการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และเทคโนโลยีก้านพรรณไม้เขตร้อนทั่วโลก และเพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว กระตุ้นภาคเศรษฐกิจ สังคม และพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีด้านกาเกษตร ภายใต้ Theme ของงาน “เพื่อนำความรักสู่มนุษยชาติ” (To Express the Love for Humanity)การจัดงานสำคัญครั้งประวัติศาสตร์ในครั้งนี้ได้รับการรับรองในการจัดงานในระดับ A1 อย่างเป็นทางการจากสำนักงานมหกรรมโลก ( Bureau of International Exposition – BIE ) สมาคมพืชสวนระหว่างประเทศ ( Association of Horticulture Producers – AIPH ) และภายใต้การสนับสนุนจาก สมาพันธ์ดอกไม้โลก ( World Flower Council – WFS ) และสมาคมพืชสวนนานาชาติ ( International Society for Horticultural Science – ISHS ) ซึ่งแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของความพร้อมในการเป็นเจ้าภาพในการจัดงานของประเทศไทยทุก ๆ ด้าน โดยเฉพาะความพร้อมนด้านขนาดพื้นที่ ระยะเวลาการจัดงาน สาระนำเสนอในระดับสากล และความหลากหลายของพืชพรรณไม้ที่นำมาจัดแสดง

ประวัติดอกกุหลาบ


ประวัติดอกกุหลาบ
กุหลาบเป็นดอกไม้ที่ได้รับความนิยมจากทุกคนทุกยุคทุกสมัย ความเป็นมาปรากฎให้เห็นตั้งแต่ราว 5000 ปีที่ผ่านมา จากชนชาติสุเมเรียน ที่ตั้งถิ่นฐานอยู่บนพื้นที่ที่อุดมสมบูรณ์บริเวณแม่น้ำไทกริสและยูเกรตีสหรือประเทศอิรักในปัจจุบัน สมัยต่อมาอยู่ในราว 1700 ปี ก่อนคริสตศตวรรษที่เกาะครีต สามเหลี่ยมปากแม่น้ำไนล์ หลักฐานเป็นภาพเขียน บนฝาผนังในวังเรียกว่า BLUE RIRD FRESCO บนภาพเขียนมีรูปกุหลาบแต่ไม่เหมือนกุหลาบจริง เรื่องราวของกุหลาบได้เผยแพร่จากชาวเกาะครีตไปทางตอนเหนือสู่ประเทศกรีซ โดยนิสัยชาวกรีก คลั่งการรบแต่วรรณกรรมเรื่องหนึ่งได้สอดแทรกเรื่องดอกกุหลาบมีการชโลมศพด้วยน้ำมันกุหลาบก่อนอาบน้ำศพ ในช่วงสมัยฮีโรโคตัส 485-425 ปี ก่อนคริสตกาล กุหลาบเป็นยอมรับและนิยมของชาวกรีก มีการนำกุหลาบไปปลูกในสวนเป็นพันธุ์ ROSA GALLICA และกุหลาบ AUTUMN DAMARK ROSE เรื่องราวของต้นกุหลาบและการปลูกนั้น ถูกบันทึกโดยฮีโอฟรัสตัส เมื่อ 372-286 ปี ก่อนคริสตกาลในหนังสือชื่อ HISTORIA PLANTARUM ฮีโอฟรัสตัสได้กล่าวไว้ว่า "กุหลาบและลิลีสามารถขยายพันธุ์ได้ โดยการตัดชำ ต่อมาพระนางโจเซฟิน ราชินีของกษัตริย์นโปเลียนที่ 1 แห่งฝรั่งเศส ผู้ทุ่มเทเงินทองและกำลังคนเพื่อเก็บรวบรวมพันธุ์กุหลาบชนิดต่าง ๆ ตลอดจนลูกผสม ถึง 250 พันธุ์ หลังจากที่สงครามสงบในปี ค.ศ.1815 ทางการอังกฤษจึงได้สั่งให้รักษาสวนแห่งนี้ไว้ กุหลาบพันธุ์ต่าง ๆ ในสวนของโจเซฟินนี้เป็นบรรพบุรุษของกุหลาบในยุคปัจจุบัน มีสีแดงอ่อนไปถึงแดงเข้ม สีชมพูสีขาวและสีทนต่ออุณหภูมิต่ำได้ดีมาก กุหลาบ ROSE OF CASTILE ชนิดนี้ปลูกในอเมริกาเหนือ ดอกกุหลาบ DAMARK มีกลิ่นหอม พวกมิชชันนารี ชาวอังกฤษได้นำดอกกุหลาบมาผลิตน้ำหอมหลังจากสมัยของโจเซฟิน กุหลาบพันธุ์ใหม่ ๆ เกิดขึ้นโดยผสมกันเองตามธรรมชาติของพันธุ์ต่าง ๆ กุหลาบพันธุ์ใหม่ ๆ ในช่วงนี้จึงเป็นลูกผสมที่มีความแปรปรวนทางพันธุกรรมแม้กุหลาบจะเป็นไม้ดอกที่มีปลูกในเมืองไทยมาเป็นเวลานาน แต่ก็ไม่มีหลักฐานแน่ชัดว่า ผู้ใดนำกุหลาบเข้าปลูกและตั้งแต่เมื่อใด แต่ทราบเพียงว่ากุหลาบเป็นที่น่าสนใจและปลูกเลี้ยงกันอย่างแพร่หลาย ในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว การปลูกกุหลาบในสมัยนั้นเป็นการปลูกเพื่อให้ประดับบ้านเรือน หรือเพื่อเป็นงานอดิเรก ปัจจุบันกุหลาบพันธุ์ต่าง ๆ เหล่านี้คงหาได้ยากหรืออาจสูญพันธุ์ไปแล้ว เนื่องจากมีกุหลาบบางพันธุ์ที่มีความสวยงามกว่าเข้ามาแทนที่ ทำให้พันธุ์เก่า ๆ เสื่อมความนิยมลง

ประวัติโดเรม่อน



Doraemon : โดเรม่อน
วันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2512 เป็นวันที่เริ่มต้นพิมพ์หนังสือการ์ตูนเรื่อง "Doraemon" ในประเทศญี่ปุ่น โดยจินตนาการของนักเขียนชาวญี่ปุ่นสองคน ที่ใช้นามปากการ่วมกัน ว่า ฟูจิโกะ ฟุจิโอะ โดยตัวการ์ตูนจะเป็นเรื่องราวของหุ่นยนต์ในโลกอนาคต ศตวรรษที่ 22 ซึ่งจินตนาการให้เป็นแมวตัวกลมๆ มีความสามารถพิเศษ และกระเป๋าวิเศษที่บรรจุของมากมาย จุดประสงค์เพื่อช่วยเหลือเด็กผู้ชาย ที่ขี้แย ไม่เอาไหน คนนึง และสอดแทรกคติธรรมเข้าไป ทำให้การ์ตูนเรื่องนี้ได้รับความนิยมอย่างมาก
ชื่อโดราเอมอน มาจากคำว่า...โดราเนโกะ แปลว่า แมวหลงทาง เอมอน เป็นคำเรียกต่อท้ายชื่อของเด็กชายในสมัยก่อน โดราเอมอน เกิดขึ้นโดยความบังเอิญในขณะที่ 2 นักเขียนการ์ตูนชื่อฮิโรชิ ฟูจิโมโต และโมโตโอะ อาบิโกะขณะที่กำลังจินตนาการ สร้างการ์ตูนตัวใหม่ด้วยความลำบาก และกดดัน เนื่องจากเหลือเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมงจะถึงกำหนดส่งต้นฉบับ บังเอิญเหลือบเห็นตุ๊กตาของลูกสาว ทำให้นึกต่อไปถึงตุ๊กตา แมว ล้มลุก และกลายเป็นโดราเอมอนในที่สุด
การ์ตูนเรื่องโดเรม่อน มีจุดเด่นในเรื่องของจินตนาการ สิ่งประดิษฐ์ต่างๆ ในโลกอนาคต ที่ผู้อ่านทั่วไปคาดไม่ถึง จากปลายปากกาของ อ. ทั้งสอง ที่ถ่ายทอดออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม พร้อมทั้งสอดแทรกศิลปะวัฒนธรรมของญี่ปุ่นเข้าไปในตัวการ์ตูน แบ่งลักษณะนิสัยของคนออกมาในแต่คาแร็คเตอร์ได้อย่างลงตัว เหมือนกับนำเอาชีวิตจริงของผู้อ่านเข้าไปเกี่ยวข้องกับการ์ตูนด้วย ดังนั้นการ์ตูนเรื่องนี้จึงเป็นที่นิยม อ่านได้ทุกเพศทุกวัย จนทำให้มีการพิมพ์การ์ตูนเรื่องนี้มากมาย สามารถขายได้ถึง 100 ล้านเล่มใน ญี่ปุ่น และแปลเป็นภาษาต่างๆ ทั่วโลก ถึง 9 ภาษา รวมทั้งภาษาไทยอีกด้วย นอกจากการ์ตูนแล้ว โดเรม่อน ถูกสร้างออกมาเป็นภาพยนต์ทางจอเงิน และจอแก้วมากมายหลายตอน โดยฉายครั้งแรกที่ฮ่องกง เมื่อปี พ.ศ. 2524 และฉายที่ประเทศไทยเราครั้งแรก วันที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2525

ทรีตเมนต์ความงานสปาทั้ง 5


เท่าที่ศึกษาค้นคว้ามา พบว่า ทรีตเมนต์ความงามของสปาที่ได้รับความนิยมในหมู่คุณผู้หญิงมี 5 แบบ ด้วยกัน คือ
1. Aroma Steam หรือ Herbal Steam เป็นการกระตุ้นร่างกายด้วยความร้อนเพื่อให้รูขุมขนในร่างกายเปิดกว้างพร้อมที่จะขับสารพิษออกมากับเหงื่อ วิธีการนี้ได้รับความนิยมมากที่สุด เพราะขั้นตอนง่ายไม่ซับซ้อน ทำเองโดยไม่ต้องพึ่งพาพนักงานก็ได้ ขอแค่ให้มีอุปกรณ์เครื่อง sauna พร้อมเท่านั้น
2. Scrub คือการกระตุ้นระบบการหมุนเวียนของเลือดด้วยการขัดผิวด้วยพืชพรรณจากธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นพืชสมุนไพรหรือผลิตภัณฑ์จากท้องทะเลจำพวกเกลือทะเล สาหร่าย ฟองน้ำเพื่อขจัดเซลล์ผิวหนังที่เสื่อมสภาพให้หลุดออกไป เซลล์ผิวใหม่จะได้ขึ้นมาทดแทน วิธีสครับนี้จะช่วยให้สุขภาพผิวดีขึ้น ผิวพรรณนุ่มเนียน สีผิวสวยสม่ำเสมอ
3. Body Wrap หมายถึง การห่อร่างกายด้วยผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติที่มีสรรพคุณพิเศษ เช่น สาหร่ายทะเล หรือโคลนทะเล สมุนไพรบางชนิด การห่อหุ้มร่างกายนี้เป็นส่วนหนึ่งของขั้นตอนในการดูแลฟื้นฟูสภาพผิวไปพร้อมกับการช่วยผ่อนคลายความตึงเครียดของเนื้อตัว ระหว่างที่ห่อร่างกายด้วยโคลนหรือสมุนไพร อุณหภูมิภายในจะสูงขึ้น จึงเปิดรูขุมขนให้กว้างเพื่อขับของเสียออกจากร่างกายได้สะดวก ช่วยให้ร่างกายสงบและผ่อนคลายอย่างลึกล้ำ
4. Hydro Therapy คือกระบวนการบำบัดด้วยน้ำ โดยใช้อุณหภูมิร้อน-เย็นของน้ำเป็นเครื่องมือบำบัด สปาบางแห่งอาจให้นอนแช่ในอ่างที่ผสมน้ำมันหอมระเหยและเกลือแร่ธรรมดา (Aroma Bath) บางแห่งให้นอนแช่ในอ่างที่โรยกลีบดอกไม้ไว้เต็ม (Floral Bath) แล้วหยดน้ำมันหอมระเหยกับเกลือแร่ลงไปผสม วิธีแช่ตัวแบบนี้จะช่วยให้จิตใจผ่อนคลายได้ดี
นอกจากนั้น ยังมีการอาบน้ำที่เรียกว่า Swiss shower คือยืนอาบน้ำร้อนสลับกับน้ำเย็นที่พุ่งออกมาจากฝักบัวพร้อมกัน 8-10 จุด ทั่วร่างกาย เพื่อกระตุ้นให้เกิดการหมุนเวียนของโลหิต และการอาบน้ำแบบ Vichy shower เป็นการบำบัดด้วยแรงดันน้ำ โดยให้นอนใต้แรงดันของน้ำที่พุ่งออกมากระทบร่างกาย ช่วยเปิดรูขุมขนเพื่อให้สมุนไพรต่างๆ ที่นำมาพอกตัวภายหลังสามารถซึมเข้าสู่ผิวหนังชั้นในได้ดีขึ้น การอาบน้ำแบบนี้นอกจากจะช่วยให้ผ่อนคลายหายเครียดแล้วยังลดอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อได้ด้วย
5. Body Massage การนวดร่างกาย เป็นทางเลือกยอดนิยมของการไปสปา ช่วยให้ร่างกายผ่อนคลายได้ดีเยี่ยม จัดเป็นขั้นตอนสุดท้ายที่ช่วยให้ขั้นตอนอื่นๆ ที่กล่าวมาได้ผลสมบูรณ์ โดยสปาแต่ละแห่งจะมีรูปแบบการนวดต่างกันไป แต่หลักๆ มีสองอย่างคือ นวดแผนไทยกับนวดบำบัด "อโรมา" ด้วยน้ำมันหอมระเหยกลิ่นต่างๆ
ถึงบรรทัดนี้คงรู้แล้วใช่ไหมคะว่า เมื่อไหร่จึงควรจะไปสปา..